ทำ aStore มา 2 เดือน index ก็เยอะขายไม่ได้ แต่หลังจากผมได้เจอเคล็ดลับบางอย่างนอกเหนือจากการทำ niche aStore ที่คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ รวมถึงการหา Keyword เพื่อทำ SEO และผมก็เชื่อว่าคนส่วนใหญ่สามารถที่จะทำ aStore โลดแล่นอยู่ในหน้าแรกกันเป็นว่าเล่น แต่ทำไมมันขายไม่ได้สักที่ (หรือว่าผมคนเดียว 555) ผมเลยมานั่งวิเคราะห์ดูว่าทำไมเลยพบปัจจัยต่างๆต่อไปนี้ครับ

ปัจจัยที่ทำให้ผมขายของได้จาก aStore
1. การติดหน้าแรกจากการค้นหา ด้วย Google
2. Keyword ที่ใช้ในการค้นหา
3. ความน่าเชื่อถือของร้าน : ว่าด้วยข้อความบนหน้า aStore
4. ความน่าเชื่อถือของร้าน : ว่าด้วย Theme ของ aStore
5. ควมลับที่ค้นพบโดยตั้งใจ... อิอิ

ของแถมที่มีค่าที่สุดที่ผมเจอ (อ่านข้ออื่นให้จบก่อน อย่าพึ่งลงไปอ่านข้อนี้ ใครไม่เชื่อ..ขอให้วันนี้ขายไม่ออก..อ้าวว ลองดู)
6. Theme&Trick ที่ผมใช้แล้วทำให้ยอดขายกระเตื้องอย่างเห็นได้ชัด จาก $0 -> $10 up ต่อวัน สูงสุดตอนนี้ที่ผมขายได้ $66/วัน

ก่อน อื่นบอกก่อนว่าทั้งหมดเป็นการทดลองของผมเพียงคนเดียวนะครับ และผมก็ไม่ได้เป็นเซียนเก่งๆ เหมือนหลายๆท่าน อย่าพึ่งเชื่อจนกว่าจะได้ทดลองแล้วเท่านั้นนะครับ ถ้าสงสัยว่าทำไมถึงมาบอก ผมก็แ่ค่อยากเอาสิ่งที่ผมทำแล้วมันทำให้ผมก้าวไปข้างหน้ามาบอกคนอื่นบ้างจะ ได้ก้าวไปด้วยกัน แม้มันจะเป็นก้าวเล็กๆ และก็คิดว่ามันก็ได้กระทบอะไรผมอยู่แล้วร้านเพื่อนๆที่ติด index อยู่ผมก็ไม่ได้มาแข่งอะไรกับร้านผมอยู่แล้ว (มั้ง) มันก็เพียงแค่อยากให้ทุกคนมาร่วมกัน Share และคิดค้นวิธีใหม่ต่อไปเท่านั้นเอง ผมจะได้ไป copy&dev เอ้ย..ม่ายช่าย พูดให้สวยก็คือต่อยยอดครับ แล้วก็คนอื่นก็ไปต่อยอดอีก ผมก็ไปต่อยอดคนอื่นอีกที อย่างนี้คนไทยจะได้เจริญ สุดท้ายคือ...แบบว่าทำคนเดียวมันเบื่ออ่ะะะะะ

เริ่มที่ข้อ 1 : ส่วนตัวนั้นผมคิดว่าทุกคนคงจะรู้อยู่แล้ว หากจะให้คนเข้าเว็บเราจาก Search Engine คงจะต้องทำให้ติดหน้าแรกให้ได้ จำไว้ครับ หน้าแรกเท่านั้น..จริงๆ
ตามด้วยข้อ 2 : keyword ที่ใช้ในการทำ ppc กับ seo ผมว่ามันก็คือหลักการเดียวกัน Buying Keyword ย่อมมีโอกาสในการขายของได้มากกว่า เช่น sale discount cheap buy แล้วเคยทดสอบไหมครับ ว่าอันไหนคนค้นหาเยอะกว่ากัน ถ้ายังคงต้องไปลองนะครับ
แถมด้วยข้อ 3 : ความน่าเชื่อถือของ aStore มีความสำคัญมากๆครับ ดังนั้นหลายๆท่านที่นำ keyword ไปพิมพ์ซ้ำๆกัน เพื่อเพิ่ม keyword density คงต้องคำนึงให้มากในส่วนนี้ด้วย ส่วนตัวผมแล้วเริ่มต้นผมก็ทำเช่นเดียวกับทุกท่าน แต่ว่าเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านรู้เรื่อง คือไม่ใช่ใส่ keyword จนคนเข้าเว็บงงว่านี่มันอะไรวะเนี่ย.. ลองนึกสภาพสมมุติว่าเดินไปร้านมือถือพอเจอหน้าพนักงานขายยังไม่ได้ถามอะไร เลย ก็เข้ามาพูดกับคุณใหญ่เลยว่า "โนเกีย โนเกีย เอ็นเจ็ดศูนย์ เอ็นเจ็ดศูนย์โนเกีย ซื้อโนเกีย โนเกียลดราคา โนเกียมือหนึ่ง โนเกีย เกียโน(มีเล่น miss spell ด้วย) โนกิ โนไก นกไอ โนกิเอ็นเจ็ด โนไกเอ็นเจ็ด นกไอเอ็นเจ็ด" หลังจากนั้นก็จบด้วยว่า "เมื่อคุณจะซื้อเราจะส่งคุณไปที่ อาเมซอนนนนน" เป็นคุณจะงงมั้ยหละครับ จะกล้าซื้อของร้านนี้ไหม (คงคิดในใจว่า คนขายมันบ้าเปล่าว๊ะะะ ไปซื้อที่ amazon เองก็ได้ไม่เห็นต้อง้อออ)
ตบด้วยข้อ 4 : หน้าตาร้านถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญอย่างมาก หลังจากที่ได้ทดสอบดู ร้านที่ปรับแต่ง css กับร้านที่ไม่ปรับแต่ง css ร้านที่แต่งมี order มากกว่าถึง 10% ครับ แต่ใช่ว่าทุก theme จะช่วยให้ร้านเราขายของได้ง่ายขึ้น เราต้องเลือก theme ที่ช่วยส่งเสริมในการขายให้เรา สำหรับ Theme ที่ผมใช้ส่วนใหญ่แล้วขายได้ ผมก็ไป copy มาเขามาใช้แหละ ดูที่ของแถมข้อ 6 แล้วกัน
ปิดท้ายด้วยข้อ 5 : ถึงแม้ว่า aStore จะเป็นร้านที่สร้างโดยระบบของ amazon ก็จริง สำหรับคนที่ตั้งใจจะซื้อของนั้นเขาจำเป็นที่จะต้องเช็คราคาจากหลายๆเว็บด้วย กัน และแน่นอนว่าเมื่อเขาตัดสินใจได้ว่าเขาจะซื้อของที่ amzon เขากลับไม่ซื้อผ่าน aStore ของเรา แต่ไปซื้อกับ amazon.com ซึ่งจุดนี้เราไม่ได้ Commision ใดๆทั้งสิ้น สิ่งสำคัญที่เราต้องทำคือ เมื่อเขาตัดสินใจแล้วว่าจะซื้อของที่ Amazon จะทำยังไงให้เขา Click ผ่าน Link (เราสามารถใส่ได้ที่ Link Back to your page ไรนี่แหละ) ที่เราฝัง tracking-id ของเราไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้าเกิดเขาเข้าหน้าเว็บด้วยกรณีนี้ เราก็ได้ Commission แน่นอนครับ

(บทความนี้มาจาก www.thaisem.com เขียนโดยคุณ nonezero ครับ)

0 comments:

Blogger Templates by Blog Forum