ทำ aStore-เอา-สตางค์ ตอนที่ 3 : ปัจจัยในการเลือกสินค้าเพื่อทำ aStore
Friday, April 10, 2009 by GooRoo
สำหรับวันนี้ผมก็มาทำตามสัญญาครับที่บอกว่าถ้าผมทำรายได้เกิน $66 เมื่อไรผมจะมาเขียนบทความ (จริงๆ พูดไว้เล่นๆนะ แต่ดันขายได้เยอะวันนี้พอดี) ในที่สุดผมก็ทำได้สักที่ $100 ภายใน 1 วัน แต่ของยังไม่ Ship ไว้ Ship แล้วจะ Capture ภาพมาใส่ให้ดู แม้มันจะเป็นเพียงวันเดียวที่ผมขายได้เท่านี้ แต่มันก็ฝันของผมที่จะไปให้ถึง $100 ให้ได้สักครั้ง และเป้าหมายต่อไปของผมคือ ทำ $100 up / วัน ให้ได้ทุกวัน สำหรับบทความต่อไปคงต้องลุ้นให้ผมได้ $100 up/วัน ติดกันอย่างน้อย 5 วันก่อนนะครับ 555555 (อะ ย้อออ เย้นนนนนน) ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่ผมจะบอกในบทต่อๆไปจะทำให้รายได้ของผมกลับไปสู่จุด เริ่มต้นหรือไม่ แต่ผมก็ยังเชื่อว่าการให้ย่อมทำให้ผมได้รับ บ่นไปก็เยอะมาเริ่มบทเรียนตอนที่ 3 กันได้เลย ในชื่อตอนว่า "ทำ aStore-เอา-สตางค์ 3 - ปัจจัยในการเลือกสินค้าทำ aStore" อยากจะย้ำอีกสักครั้งว่าก่อนจะเชื่อขอให้ได้ลองทดสอบก่อนนะครับ เพราะมันก็ยังเป็นสิ่งที่ผมทดลองเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่าเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีจุด เริ่มต้นก่อนที่จะไปถึงการเติมแต่งที่ผมเคยเล่าไปในบทที่ 1 หากเราก้าวผิดเพียงนิดเดียวอาจจะทำให้เราหลงทางไปเลยก็ได้ aStore ก็เปรียบเสมือนร้านค้าร้านหนึ่งในโลก cyber หากเทียบกับโลกแห่งความเป็นจริงแล้วก็มีหลายส่วนที่คล้ายกัน การจะเปิดร้านค้าสักร้านหนึ่งเราคงต้องคิดก่อนจะทำ เพราะหากทำไปแล้วไม่มีอะไรกลับมามันก็ย่อมทำให้เราเสียทั้งเงิน และเวลา สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราใช้ในการตัดสินใจว่าเราควรจะเปิดร้านค้าที่เราต้อง การหรือไม่ก็คือ ปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบทั้งด้านบวก และลบ หากพินิจพิจรณาดูแล้ว เป็นบวก ซะส่วนใหญ่ ร้านเราก็ย่อมมีโอกาสทำเงินกลับมาให้เรา แต่หากว่ามันเป็นลบซะส่วนใหญ่แล้วเราจะเปิดทำไมในเมื่อเปิดไปก็เจ๊งอย่าง เดียว สำหรับผมแล้วผมจะมอง 5 ปัจจัย ซึ่ง 4 ข้อแรกเป็นปัจจัยภายนอก และในข้อสุดท้ายเราต้องนำทั้งปัจจัยภายนอก และภายในมาร่วมพิจรณาครับ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
5 ปัจจัย อยู่หรือไปก็บอกมา
1. คุ้มเอาไม่คุ้มไม่เอา
2. คนซื้อต้องได้เข้า คนเข้าต้องได้ซื้อ
3. ซื้อง่ายขายคล่องไม่ลองไม่รู้
4. คู่แข่งน้อยสอยเรียบ
5. รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งกินนิ่มร้อยครั้ง
เริ่มกันที่ข้อ 1 คุ้มเอาไม่คุ้มไม่เอา - ไม่ว่าเราจะขายสินค้าด้วยวิธีใดก็ตามเราจำเป็นที่จะต้องสำรวจความต้องการ ก่อนครับ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันขายสินค้าที่อยากขาย ยิ่งเราต้องเสียเวลาในการทำร้าน aStore ขึ้นมาแล้ว แรงที่เราลงไปนั้นก็เปรียบเสมือนทุนที่เราต้องเสีย หากทำไปแล้วไม่มีคนเข้า ไม่มีคนซื้อ มันก็เปรียบเสมือนการขาดทุนครับ ดังนั้นผมจะมองหาสินค้าที่มีคนซื้อก่อนเสมอครับ เมื่อผ่านไปได้ก็พิจรณาข้อถัดไป
ตรวจสอบข้อ 2 คนซื้อต้องได้เข้า คนเข้าต้องได้ซื้อ - คำว่ามีกำลังซื้อของผมไม่ใช่เพียงแค่มีเงินซื้อ แต่หมายรวมถึงสามารถซื้อของในร้านเราได้ด้วย เชื่อหรือไม่ว่าสินค้าบางประเภทคนที่แวะเวียนเขา aStore ไม่ใช่กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ หรือว่าอยากจะซื้อแต่ซื้อไม่ได้ ยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัด สินค้าจำพวก electronic นั้นส่วนใหญ่จะส่งเฉพาะภายในอเมริกาเท่านั้น แต่ว่าสินค้าที่เราเลือกดันไปบูมที่แถบ asia หรือประเทศกำลังพัฒนา เช่น asus eee pc ซึ่งเป็น notebook ราคาประหยัด ที่เป็นที่นิยมมากในแถบประเทศโลกที่ 3 ดังนั้นแม้ว่าเราจะเห็นว่า impression เกิดขึ้นจำนวนมาก ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่จำนวนคนสั่งซื้อจาก aStore ของเราจะมีเพียงน้อยนิด หรืออาจจะไม่มีเลย
เช็คข้อที่ 3 ซื้อง่ายขายคล่องไม่ลองไม่รู้ - จะว่าไปแล้วผมให้ความสำคัญกับข้อนี้เป็นอันดับต้นๆ หากเพื่อนๆได้ลองสืบหาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน aStore จะพบว่าสินค้าส่วนใหญ่ที่เขาขายได้จะเป็นสินค้าประเภท Toys ซะส่วนใหญ่ เพราะว่าสินค้ากลุ่มนี้ราคาไม่สูง และความแตกต่างของราคาในแต่ละเว็บแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นแล้วการที่เขาจะตัดสินใจซื้อที่ aStore ของเรามันก็มีโอกาสมากขึ้นไปด้วย ขายของถูกแต่จำนวนมากก็สามารถทำเงินให้เราเป็น $100 ได้จริงไหมครับ
ห้ามพลาดข้อ 4 คู่แข่งน้อยสอยเรียบ - จะทำ aStore ให้ขึ้นหน้า 1 ได้นั้นมีปัจจัยหลาย อย่างแต่หนึ่งในปัจจัยที่ผมต้องนำมาพิจรณาในการเลือกสินค้าเสมอคือ จำนวนคู่แข่งต้องไม่มากเกินไป หากว่าเกิน 100,000 คนจะเริ่มคิดหนักแล้วเพราะว่าอาจจะไม่คุ้มแรงที่ต้องเสียไป การสู้กับคนจำนวนน้อยย่อมดีกว่าจริงไหมครับ
ปิดท้ายด้วยข้อ 5 รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งกินนิ่มร้อยครั้ง - รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง คำพูดนี้ยังคงใช้ได้ดีอยู่เสมอ ก่อนอื่นเพื่อนๆต้องวัดความสามารถของตัวเองให้ได้ก่อนว่า ความสามารถเรามีมากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีไม่เท่ากัน หากเราลองดูแล้วเราสามารถขึ้นหน้า 1 ได้เมื่อคู่แข่งไม่เกิน 50,000 คน เราก็ต้องหา keyword ที่มีคู่แข่งไม่เกิน 50,000 คน มาใช้ในการทำ niche aStore เพราะหากเรามัวแต่ไปเล่น keyword ที่มี traffic จำนวนมาก แต่เราไม่สามารถขึ้นไปหน้า 1 ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ลองเลือกเอาครับระหว่าง
Search 1000 คน/วัน คู่แข่ง 100,000 อยู่หน้า 3 Click 3 คน/วัน X ทำ 100 เว็บ = Traffic วันละ 300 คน
Search 100 คน/วัน คู่แข่ง 50,000 อยู่หน้า 1 Click 10 คน/วัน X ทำ 100 เว็บ = Traffic วันละ 1000 คน
(บทความจาก www.thaisem.com เขียนโดยคุณ nonezero)
แน่นอนว่าทุกอย่างต้องมีจุด เริ่มต้นก่อนที่จะไปถึงการเติมแต่งที่ผมเคยเล่าไปในบทที่ 1 หากเราก้าวผิดเพียงนิดเดียวอาจจะทำให้เราหลงทางไปเลยก็ได้ aStore ก็เปรียบเสมือนร้านค้าร้านหนึ่งในโลก cyber หากเทียบกับโลกแห่งความเป็นจริงแล้วก็มีหลายส่วนที่คล้ายกัน การจะเปิดร้านค้าสักร้านหนึ่งเราคงต้องคิดก่อนจะทำ เพราะหากทำไปแล้วไม่มีอะไรกลับมามันก็ย่อมทำให้เราเสียทั้งเงิน และเวลา สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราใช้ในการตัดสินใจว่าเราควรจะเปิดร้านค้าที่เราต้อง การหรือไม่ก็คือ ปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบทั้งด้านบวก และลบ หากพินิจพิจรณาดูแล้ว เป็นบวก ซะส่วนใหญ่ ร้านเราก็ย่อมมีโอกาสทำเงินกลับมาให้เรา แต่หากว่ามันเป็นลบซะส่วนใหญ่แล้วเราจะเปิดทำไมในเมื่อเปิดไปก็เจ๊งอย่าง เดียว สำหรับผมแล้วผมจะมอง 5 ปัจจัย ซึ่ง 4 ข้อแรกเป็นปัจจัยภายนอก และในข้อสุดท้ายเราต้องนำทั้งปัจจัยภายนอก และภายในมาร่วมพิจรณาครับ ลองมาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
5 ปัจจัย อยู่หรือไปก็บอกมา
1. คุ้มเอาไม่คุ้มไม่เอา
2. คนซื้อต้องได้เข้า คนเข้าต้องได้ซื้อ
3. ซื้อง่ายขายคล่องไม่ลองไม่รู้
4. คู่แข่งน้อยสอยเรียบ
5. รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งกินนิ่มร้อยครั้ง
เริ่มกันที่ข้อ 1 คุ้มเอาไม่คุ้มไม่เอา - ไม่ว่าเราจะขายสินค้าด้วยวิธีใดก็ตามเราจำเป็นที่จะต้องสำรวจความต้องการ ก่อนครับ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันขายสินค้าที่อยากขาย ยิ่งเราต้องเสียเวลาในการทำร้าน aStore ขึ้นมาแล้ว แรงที่เราลงไปนั้นก็เปรียบเสมือนทุนที่เราต้องเสีย หากทำไปแล้วไม่มีคนเข้า ไม่มีคนซื้อ มันก็เปรียบเสมือนการขาดทุนครับ ดังนั้นผมจะมองหาสินค้าที่มีคนซื้อก่อนเสมอครับ เมื่อผ่านไปได้ก็พิจรณาข้อถัดไป
ตรวจสอบข้อ 2 คนซื้อต้องได้เข้า คนเข้าต้องได้ซื้อ - คำว่ามีกำลังซื้อของผมไม่ใช่เพียงแค่มีเงินซื้อ แต่หมายรวมถึงสามารถซื้อของในร้านเราได้ด้วย เชื่อหรือไม่ว่าสินค้าบางประเภทคนที่แวะเวียนเขา aStore ไม่ใช่กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ หรือว่าอยากจะซื้อแต่ซื้อไม่ได้ ยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัด สินค้าจำพวก electronic นั้นส่วนใหญ่จะส่งเฉพาะภายในอเมริกาเท่านั้น แต่ว่าสินค้าที่เราเลือกดันไปบูมที่แถบ asia หรือประเทศกำลังพัฒนา เช่น asus eee pc ซึ่งเป็น notebook ราคาประหยัด ที่เป็นที่นิยมมากในแถบประเทศโลกที่ 3 ดังนั้นแม้ว่าเราจะเห็นว่า impression เกิดขึ้นจำนวนมาก ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่จำนวนคนสั่งซื้อจาก aStore ของเราจะมีเพียงน้อยนิด หรืออาจจะไม่มีเลย
เช็คข้อที่ 3 ซื้อง่ายขายคล่องไม่ลองไม่รู้ - จะว่าไปแล้วผมให้ความสำคัญกับข้อนี้เป็นอันดับต้นๆ หากเพื่อนๆได้ลองสืบหาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน aStore จะพบว่าสินค้าส่วนใหญ่ที่เขาขายได้จะเป็นสินค้าประเภท Toys ซะส่วนใหญ่ เพราะว่าสินค้ากลุ่มนี้ราคาไม่สูง และความแตกต่างของราคาในแต่ละเว็บแทบจะไม่มีเลย ดังนั้นแล้วการที่เขาจะตัดสินใจซื้อที่ aStore ของเรามันก็มีโอกาสมากขึ้นไปด้วย ขายของถูกแต่จำนวนมากก็สามารถทำเงินให้เราเป็น $100 ได้จริงไหมครับ
ห้ามพลาดข้อ 4 คู่แข่งน้อยสอยเรียบ - จะทำ aStore ให้ขึ้นหน้า 1 ได้นั้นมีปัจจัยหลาย อย่างแต่หนึ่งในปัจจัยที่ผมต้องนำมาพิจรณาในการเลือกสินค้าเสมอคือ จำนวนคู่แข่งต้องไม่มากเกินไป หากว่าเกิน 100,000 คนจะเริ่มคิดหนักแล้วเพราะว่าอาจจะไม่คุ้มแรงที่ต้องเสียไป การสู้กับคนจำนวนน้อยย่อมดีกว่าจริงไหมครับ
ปิดท้ายด้วยข้อ 5 รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งกินนิ่มร้อยครั้ง - รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง คำพูดนี้ยังคงใช้ได้ดีอยู่เสมอ ก่อนอื่นเพื่อนๆต้องวัดความสามารถของตัวเองให้ได้ก่อนว่า ความสามารถเรามีมากน้อยแค่ไหน แน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมีไม่เท่ากัน หากเราลองดูแล้วเราสามารถขึ้นหน้า 1 ได้เมื่อคู่แข่งไม่เกิน 50,000 คน เราก็ต้องหา keyword ที่มีคู่แข่งไม่เกิน 50,000 คน มาใช้ในการทำ niche aStore เพราะหากเรามัวแต่ไปเล่น keyword ที่มี traffic จำนวนมาก แต่เราไม่สามารถขึ้นไปหน้า 1 ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ลองเลือกเอาครับระหว่าง
Search 1000 คน/วัน คู่แข่ง 100,000 อยู่หน้า 3 Click 3 คน/วัน X ทำ 100 เว็บ = Traffic วันละ 300 คน
Search 100 คน/วัน คู่แข่ง 50,000 อยู่หน้า 1 Click 10 คน/วัน X ทำ 100 เว็บ = Traffic วันละ 1000 คน
(บทความจาก www.thaisem.com เขียนโดยคุณ nonezero)